สำหรับผู้ที่มีปัญหาอาการป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน, โรคมะเร็ง, โรคความดันโลหิตสูง และโรคไต เป็นต้น เมื่อต้องการฟื้นฟูสุขภาพหลังการรักษา จึงอาจจะมองหาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่จะมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูของร่างกายมากขึ้น ดังนั้นลองมาดูว่าผู้ป่วยโรคเรื้อรังแต่ละโรคยอดฮิตของคนไทย ควรต้องรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบใดบ้าง จึงจะถือว่าเหมาะสม
1.โรคเบาหวาน
ถ้าคุณเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการอาหารเสริมช่วยฟื้นฟูสุขภาพให้ดีขึ้น ควรเน้นอาหารที่มีไฟเบอร์สูง แต่มีปริมาณน้ำตาลน้อย พร้อมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์โดยไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อโรค ที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงอาหารเสริมที่มีน้ำมันปลา เพราะจะไปกระตุ้นให้ระดับน้ำตาลในเลือดอาจสูงมากขึ้นกว่าเดิม
2.โรคมะเร็ง
สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง ควรเน้นส่วนประกอบที่มีโปรตีนสูง มีไฟเบอร์ มีกรดโอเมก้า 3 เพื่อช่วยเสริมให้ประสิทธิภาพของร่างกายและอวัยวะภายในกลับมาทำงานได้ตามปกติ สำหรับไฟเบอร์แล้วจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการขับถ่ายที่มีความคล่องตัว, โอเมก้า 3 ช่วยลดอาการอักเสบ และกระตุ้นให้มีการรับประทานอาหารมากขึ้น ส่วนอาหารโปรตีนสูงจะมีกรดอะมิโนจำเป็น เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย วิตามินและแร่ธาตุจากพืชผักกับผลไม้ จะเป็นตัวต้านสารอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการสำคัญก่อให้เกิดโรคมะเร็ง
3.โรคความดันโลหิตสูง
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรคความดันโลหิตสูง ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 เพื่อเป็นตัวช่วยในการกำจัดสิ่งอุดตันในเส้นเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นของหลอดเลือด และลดอาการอักเสบต่าง ๆ ลงได้ดี นอกจากนี้ยังควรรับประทานโคเอนไซม์คิวเทน, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม และแคลเซียม ที่จะเป็นตัวช่วยในการลดปัญหาหลอดเลือดสมอง, ผ่อนคลายผนังของหลอดเลือดไม่หดเกร็ง และทำให้ระบบการทำงานของหลอดเลือดเป็นไปตามปกติ พร้อมการเสริมด้วยวิตามินอี, วิตามินซี และวิตามินดี เพื่อลดเสี่ยงภาวะล้มเหลวในอวัยวะต่าง ๆ และเสริมประสิทธิภาพให้ อวัยวะกลับมาทำงานได้ตามปกติ
ถ้าคุณป่วยด้วยโรคเรื้อรังเหล่านี้ ต้องการรับประทานอาหารเสริมเพิ่ม เพื่อให้สุขภาพดีขึ้น ลดความเสื่อมของอวัยวะภายใน โดยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายให้กลับมาดีดังเดิม คุณควรศึกษาเรื่องสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในแต่ละรูปแบบให้ดี เพื่อที่คุณจะรับประทานได้อย่างปลอดภัยที่สุด